SUPER CAR FERRARI V.8-V.12

FERRARI 250 GTO

เป็นรถยนต์นั่งสมรรถนะสูง ประเภทจีที (GT car) เครื่องยนต์หน้าลำ ขับเคลื่อนสองล้อท้าย (FR) 2 ประตู 2 ที่นั่ง ผลิตโดยบริษัทรถยนต์สัญชาติอิตาลี เฟอร์รารี่ ระหว่างปี ค.ศ. 1962 - 1964 ด้วยจุดประสงค์เพื่อเข้าร่วมรายการ เอฟไอเอ (FIA) ซึ่ง 250 จีทีโอ ได้เป็นหนึ่งในกรุ๊ปทรี (Group 3) คำว่า "GTO" ย่อมาจาก "Gran Turismo Omologato" หลังเปิดตัวออกมา เฟอร์รารี่ จีทีโอ ก็ได้ตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ $18,000 ในสหรัฐอเมริกา และผู้ที่จะซื้อได้ต้องเป็นคนที่ เอ็นโซ เฟอร์รารี่ ผู้ก่อตั้งเฟอร์รารี่ อนุมัติให้เท่านั้น


ปีแรก เฟอร์รารี่ 250 จีทีโอ ได้ผลิตออกมาเป็นจำนวนเพียง 36 คัน ใช้ชื่อโฉมว่า 'Series I' จนต่อมาในปี 1964 เฟอร์รารี่ จีทีโอ ก็ได้ปรับแต่งตัวถังเล็กน้อย และใช้ชื่อโฉมนี้ว่า 'Series II' ซึ่งได้ผลิตมาเพียง 3 คันเท่านั้นรวมทั้งหมดแล้ว เฟอร์รารี่ 250 จีทีโอ ได้ผลิตออกมาเป็นจำนวนทั้งสิ้น 39 คันเท่านั้น
ในปี ค.ศ.
2004 นิตยสาร สปอร์ตคาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้จัดอันดับ เฟอร์รารี่ 250 จีทีโอ ให้เป็นรถสปอร์ตอันดับที่ 8 ในหัวข้อรถสปอร์ตแห่งศตวรรษที่ 1960 และยังได้รับการเสนอชื่อให้เป็นรถสปอร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดการอีกด้วย เช่นเดียวกับ นิตยสาร มอเตอร์ เทรนด์ คลาสสิก ได้จัดอันดับให้ เฟอร์รารี่ 250 จีทีโอ เป็น "รถเฟอร์รารี่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล"

ข้อมูลทางเทคนิค

เฟอร์รารี่ 250 จีทีโอ ใช้เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร V12 และ 4.0 ลิตร V12 มีกำลัง 300 PS (220 kW; 300 แรงม้า) แรงบิด 294 N.m. ที่ 5500 rpm ระบบเกียร์ เป็นเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ มีฐานล้อยาว 2,400 มม. (94.5 นิ้ว) น้ำหนักเปล่า ที่ 1,100 กิโลกรัม (2,425 lb) ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ที่ 6.1 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 280 กม./ชม. (174 ไมล์/ชม.)

การสะสม

ด้วยความที่เป็นรถเฟอร์รารี่คลาสสิก ในยุค 60 และมีจำนวนจำกัดเพียง 39 คัน จึงทำให้เฟอร์รารี่ 250 จีทีโอ กลายเป็นรถเฟอร์รารี่ที่มีการเปลี่ยนมือกันมากที่สุด และเป็นรถเฟอร์รารี่ที่มีราคาสูงที่สุด รวมถึงเป็นรถที่มีราคาสูงที่สุดในโลกในฐานะรถประมูล ด้วยราคาประมูลสูงถึง 52 ล้านดอลลาร์

ราคาของเฟอร์รารี่ 250 จีทีโอ ตั้งแต่ปีแรกที่ผลิตออกมา

  • 1962-4 (รุ่นใหม่): $18,500
  • 1965 (ธันวาคม): $10,500
  • 1968 (มิถุนายน): $6,000
  • 1969: $2,500
  • 1971 (มกราคม): $9,500
  • 1971 (กรกฎาคม): $12,000
  • 1973 (กรกฎาคม): $17,500 (£7,000)
  • 1975 (ธันวาคม): $48,000
  • 1978: $85,000
  • 1980 (มีนาคม): $180,000-200,000
  • 1983: $300,000
  • 1984: $500,000
  • 1985: $650,000
  • 1986: $1,000,000
  • 1987 (ตุลาคม): $1,600,000
  • 1988 (กรกฎาคม): $4,200,000
  • 1989 (กรกฎาคม): $10,000,000
  • 1990 (มกราคม): $13,000,000
  • 2012 (พฤษภาคม) $35,000,000

FERRARI F40

 รถยนต์นั่งสมรรถนะสูง เครื่องยนต์กลางลำหลัง ขับเคลื่อนสองล้อท้าย (RMR) 2 ประตู 2 ที่นั่ง ผลิตโดยบริษัทรถยนต์สัญชาติอิตาลีเฟอร์รารี่ ระหว่างปี ค.ศ. 1987 - 1992 และโฉมรถแข่ง แอลเอ็ม ( LM ) และจีทีอี ( GTE ) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1994 จนถึง ค.ศ. 1996 เอฟ40 ออกแบบโดยบริษัทพินินฟารินา เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อจาก 288 จีทีโอ คำว่า "40" มาจากการเฉลิมฉลองครบ 40 ปีบริษัทเฟอร์รารี่ และนับเป็นเฟอร์รารี่รุ่นสุดท้ายที่ผู้ก่อตั้งบริษัท นายเอ็นโซ เฟอร์รารี่ ได้ร่วมพัฒนา ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในอีกหนึ่งปีถัดมา เอฟ40 ในขณะนั้นนับเป็นรถที่เร็วที่สุดของเฟอร์รารี่ มีอัตรากำลังดีที่สุด และมีราคาจำหน่ายสูงที่สุด


ในช่วงแรกบริษัทได้วางแผนที่จะผลิตเพียง 400 คัน และจะจำหน่ายในราคาประมาณ 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือราว 830,000 ดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน) แต่ก็มีลูกค้าบางรายยอมเสียเงินมากกว่า 1.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อจะซื้อ เอฟ40 ในปี ค.ศ. 1999 สุดท้ายบริษัทก็ได้ผลิตเพิ่ม จนในที่สุดมี เอฟ40 ทั้งหมด 1,311 คัน ทำให้เป็นรถรุ่นที่แพงที่สุดของเฟอร์รารี่ที่ผลิตมากที่สุดอีกด้วย
เอฟ40 มีกำลัง 478 แรงม้า
(352 kW; 471 hp) ที่ 7000 รอบ/วินาที สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ที่ 4.7 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 321 กม./ชม. (199 ไมล์/ชม.)

FERRARI F50

เป็นรถยนต์นั่งสมรรถนะสูง เครื่องยนต์กลางลำหลัง ขับเคลื่อนสองล้อท้าย (RMR) 2 ประตู 2 ที่นั่ง ผลิตโดยบริษัทรถยนต์สัญชาติอิตาลี เฟอร์รารี่ระหว่างปี 1995-1997 ที่เมืองมาราเนลโล ประเทศอิตาลี เอฟ50 ถือเป็นรุ่นสูงสุดของค่าย ซึ่งพัฒนาต่อจากเอฟ40 รถได้รับการออกแบบให้เปิดประทุน ใช้เครื่องยนตร์ขนาด 4.7 ลิตร V12 ซึ่งพัฒนามาจากเครื่องยนตร์ 3.5 ลิตร V12 ที่ใช้กับ เฟอร์รารี่ 641 ซึ่งอาแล็ง พร็อสต์ เป็นผู้ขับ ในการแข่งฟอร์มูลาวัน

เอฟ50 ผลิตขึ้นมาเพียง 349 คันเท่านั้นโดยปิดสายการผลิตคันสุดท้าย เมื่อเดือนกรกฎาคม 1997 รถสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ที่ 3.8 วินาที  และความเร็วสูงสุดที่ 312 กม./ชม. (194 ไมล์/ชม.) แต่ทางเฟอร์รารี่ได้อ้างว่ารถสามารถทำได้ที่ 325 กม./ชม. (202 ไมล์/ชม.)

FERRARI ENZO

 เป็นรถยนต์นั่งสมรรถนะสูง เครื่องยนต์กลางลำหลัง ขับเคลื่อนสองล้อท้าย (RMR) 2 ประตู 2 ที่นั่ง ผลิตโดยบริษัทรถยนต์สัญชาติอิตาลี เฟอร์รารี่ ระหว่างปี ค.ศ. 2002-2004 รถได้รับการออกแบบโดยนำฐานมาจาก รถแข่งฟอร์มูลาวัน โดยเฉพาะการใช้วัสดุไฟบอน-คาร์เบอร์ ซึ่งถือว่าน้อยรุ่นของเฟอร์รารี่ ที่จะนำคาร์บอนไฟเบอร์ มาประกอบตัวถัง ซึ่งตามปกติแล้วจะใช้อะลูมิเนียม เป็นหลักมากกว่า จนติดเป็นเอกลักษณ์ของเฟอร์รารี่เลยว่า รถเฟอร์รารี่ต้องทำมาจากอะลูมิเนียมเท่านั้น ส่วนออปชั่นอื่นๆ ของเอ็นโซ ไม่ว่าจะเป็นระบบเกียร์ ระบบเบรก ระบบการรับลมเข้าคัน ซึ่งล้วนมาจาก เทคโลยีจากฟอร์มูล่าวัน ทั้งสิ้น

เครื่องยนต์เฉพาะตัวของเอ็นโซขนาด 12 ลูกสูบวางตามวี (V12) ซึ่งทางเฟอร์รารี่ใช้ชื่อเครื่องยนต์นี้ว่า "Enzo V12 engine" นับเป็นวิวัฒนาการด้านเครื่องยนต์ V12 ครั้งแรกของเฟอร์รารี่ ที่ได้รับการพัฒนามาจากเครื่องยนต์ V8 เดิม จนในปี ค.ศ. 2005 รุ่น เอฟ430 ได้กลายเป็นเฟอร์รารี่รุ่นที่ 2 ที่ได้รับการถ่ายทอดเครื่องยนต์ชนิดนี้สืบต่อ เอ็นโซ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 350 กม./ชม. (218 ไมล์/ชม.) และผู้ซื้อทุกรายต้องได้รับอนุมัติจากทางบริษัทในการซื้อด้วย

เฟอร์รารี่ เอ็นโซ ถือเป็นเป็นรุ่นจำกัดจำนวน ผลิตออกมาได้เพียง 401 คัน บวกกับระยะเวลาของสายการผลิตเพียง 2 ปีเท่านั้น แต่รถกลับได้รับคำชมรวมถึงรางวัลต่าง ๆ มากมาย เช่น ในปี ค.ศ. 2004 นิตยสาร สปอร์ตคาร์อินเตอร์เนชั่นแนล ของสหรัฐอเมริกา ได้จัดอันดับให้ เฟอร์รารี่ เอ็นโซ อยู่อันดับ 3 ในหัวข้อรถสปอร์ตแห่งศตวรรษที่ 20 (Top Sports Cars of the 2000s) นอกจากนี้ก็ยังได้รับการจัดอันดับ ให้อยู่ลำดับที่ 4 ในหัวข้อ "รถเฟอร์รารี่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล" (Greatest Ferraris of all time) จากนิยสาร มอเตอร์เทรนด์ แต่ถึงอย่างไรก็ดี เฟอร์รารี่ เอ็นโซ ก็ได้รับเสียงวิพากย์วิจารณ์ จากนิตยสาร บรูมเบิร์กบิสซิเนสวีค (Bloomberg Businessweek) ได้จัดอันดับให้เป็น "หนึ่งใน 50 รถที่รูปทรงอัปลักษณ์ที่สุดในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา" (Fifty Ugliest Cars of the Past 50 Years)

เฟอร์รารี่ เอ็นโซ ได้รับการออกแบบโดย นักออกแบบรถชาวญี่ปุ่น เคน โอคุยามะ ( Ken Okuyama ) แห่งบริษัทพินินฟารินา ซึ่งนอกจากจะออกแบบเฟอร์รารี่ เอ็นโซ แล้ว ยังเป็นผู้ออกแบบ เฟอร์รารี่ 599 จีทีบี ฟีโอราโน ด้วย คำว่า "เอ็นโซ" คือชื่อผู้ก่อตั้งอดีตบริษัท "เฟอร์รารี่ สคูเดอเรีย" จนต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทเฟอร์รารี่ ในปัจจุบัน

FERRARI FXX

เป็นรถยนต์นั่งสมรรถนะสูงชนิดรถต้นแบบ หรือรถแข่งถนนประเภทแทร็คเดย์ (Track Day) เครื่องยนต์กลางลำหลัง ขับเคลื่อนสองล้อท้าย (RMR) 2 ประตู 2 ที่นั่ง ผลิตโดยบริษัทรถยนต์สัญชาติอิตาลี เฟอร์รารี่ ที่โรงงานในเมืองมาราเนลโล ประเทศอิตาลี ระหว่างปี ค.ศ. 2005 - 2007 เอฟเอ็กซ์เอ็กซ์ ได้นำฐานส่วนใหญ่มาจาก เฟอร์รารี่ เอ็นโซ และเป็นรุ่นที่พัฒนามาพร้อมกันกับ มาร์เซราติ เอ็มซี12 ซึ่งต่างใช้เทคโนโลยีเครื่องยนต์ V12 ร่วมกัน เอฟเอ็กซ์เอ็กซ์ ได้มีการปรับแต่งกำลังและสมรรถนะมากกว่าเดิมขึ้น รวมถึงรูปลักษณ์ภายนอก จนคลาสของคันนี้ ดูออกไปเป็นแนวรถแข่งมากขึ้น จากเดิมที่เอ็นโซ อยู่ในคลาสของรถสปอร์ต

เฟอร์รารี่ เอฟเอ็กซ์เอ็กซ์ เป็นรุ่นจำกัดเพียง 30 คันเท่านั้น แต่ละคันมีราคาสูงถึง 1.5 ล้านยูโร หรือ ประมาณ 2.1 ล้านยูเอสดอลลาร์ ซึ่งจะจำหน่ายเฉพาะลูกค้าพิเศษที่เฟอร์รารี่เลือกให้เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันรถทั้ง 29 ก็ได้ถูกจำหน่ายหมดไปแล้ว (อีก 1 คัน ถูกเก็บรักษาไว้ที่เฟอร์รารี่) เฟอร์รารี่ เอฟเอ็กซ์เอ็กซ์ เป็นรถที่ไม่สามารถขับบนถนนทั่วไปได้ แต่สามารถลงสนามแข่งตามที่ทางเฟอร์รารี่รับรองไว้ให้เท่านั้น

ข้อมูลจำเพาะ

  • เครื่องยนต์: 6.3 ลิตร V12 ชนิดวางยาวขนานคัน (ด้านหน้าจนถึงท้าย)
  • กำลังสูงสุด: 608 kW (830 PS; 820 hp) ที่ 8500 rpm
  • แรงบิดสูงสุด: 886 N·m (653 lb·ft) at 5750 rpm
  • การขับเคลื่อน: ขับเคลื่อน 4 ล้อ (ทุกล้อ)
  • โครงสร้าง: คาร์บอน-ไฟเบอร์, อัลลอย ซับเฟรม ด้านท้าย
  • ระบบเบรก: ด้านหน้า-หลัง ระบบป้องกันล้อล็อกตาย (Anti-lock braking system)
  • อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.44 วินาที
  • ยางหน้า: 483 มม. (19.0 นิ้ว) x 229 มม. (9.0 นิ้ว)
  • ยางท้าย: 483 มม. (19.0 นิ้ว) x 330 มม. (13 นิ้ว)
  • ระยะฐานล้อ: 2,875 มม. (113.2 นิ้ว)
  • การมองท้ายรถ (สังเกตที่รถไม่มี กระจกมองข้าง) มีกล้องติดอยู่ที่บนหลังคา และแสดงผลที่หน้าจอภายในรถ
  • ความเร็วสูงสุด: 393 กม./ชม. (244 ไมล์/ชม.)
  • 1- 113 กม./ชม. หรือ 70 ไมล์/ชม. ใน 2.6 วินาที
  • 2- 193 กม./ชม. หรือ 120 ไมล์/ชม. ใน 5 วินาที
  • 3- 240 กม./ชม. หรือ 149 ไมล์/ชม. ใน 9 วินาที
  • 4- 290 กม./ชม. หรือ 180 ไมล์/ชม. ใน 13 วินาที
  • 5- 329 กม./ชม. หรือ 205 ไมล์/ชม. ใน 18 วินาที
  • 6- 365 กม./ชม. หรือ 225 ไมล์/ชม. ใน 26 วินาที
  • 7- 393 กม./ชม. หรือ 244 ไมล์/ชม. ใน 38 วินาที
อ้างอิง
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม